กล่าวโดยรวบรัดมหายานต่างจากเถรวาทตรงที่มีอุดมคติคือการเป็นพระโพธิสัตว์ และมีคัมภีร์ใหม่ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากที่ทั้งเถรวาทและมหายานยอมรับตรงกันคือพระไตรปิฎก ยิ่งกว่านั้นมหายานบางสายจะยอมรับคัมภีร์รุ่นใหม่มากกว่าพระไตรปิฎก เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า มหายานได้ละทิ้งการปฏิบัติธรรมไป แล้วหันมาใช้การไคร่ครวญทางปรัชญา หรือการสวนมนต์ขอพรจากพระโพธิสัตว์แทน กระทั่งเกิดมหายานสายปฏิบัติคือเซน น่าจะเป็นอารมณ์แบบเดียวกับที่เถรวาทได้ทิ้งการปฏิบัติธรรมไป แล้วเกิดสายปฏิบัติฟื้นคืนกลับขึ้นมาในศตวรรษ์นี้ของไทย
ท่านพุทธทาสได้ช่วยให้พวกเราสามารถเชื่อมโยงภูมิปัญญาของเซนเข้ามาในวิถีปฏิบัติ จนเรารู้สึกกลมกลืนไม่ว่าจะฟังคำสอนของท่านติช นัท ฮันห์ (เซน) หรือองค์ดาไลลามะ (วัชรญาณ) ตั้งแต่เด็กจนโต ผมเคยนึกว่ามหายานก็คือมหายาน เหมือนเถรวาทจะสายไหนก็มีอุดมคติเดียวกันคือการชนะทุกข์ แต่เมื่อสังเกตดูจริงๆ ก็ไม่ใช่อย่างนั้น
ตัวอย่างใกล้ตัวที่สุด เนื่องจากผมเป็นลูกครึ่งจีน จึงมีพิธีกรรมไหว้ต่างๆ ตามเทศกาล ทางฝั่งครอบครัวภรรยาผมเป็นจีนแท้ๆ ยิ่งมีพิธีกรรมมากขึ้นไปอีกเรียกว่าเป็นทุกอย่างในชีวิต แล้วก็มีศาลเจ้าซึ่งก็ไม่เหมือนวัดไทย ซึ่งก็เห็นเขาสวดมนต์กัน คำถามคือเขาสวดอะไร เมื่อค้นดูจึงพบว่าคนจีนจะนับถือมหายานนิยายสุขาวดี ซึ่งมีวิธีลัดตรงสู่การเป็นพระโพธิสัตว์ โดยการสวนมนต์ (พูดถึงชื่อ) พระอมิตาภพุทธะ และพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ (เจ้าแม่กวนอิม) เมื่อมีทุกข์เดือดร้อน
ดังนั้นมหายานแบบสุขาวดีจะเหมือนพุทธกระแสหลักของไทยมากกว่า ซึ่งมีอุดมคติที่ต่างจากเถรวาทที่จะต้องชนะทุกข์ด้วยตนเอง เห็นแบบนี้แล้วผมจึงคิดว่ามหายานสายอื่นก็น่าจะมีความแตกต่างในอุดมคติกับเถรวาทบ้างเหมือนกัน ยกเว้นเซนซึ่งเป็นมหายานหัวก้าวหน้าที่ฟื้นฟูการปฏิบัติธรรมขึ้นมา ดังที่เราจะรู้สึกได้ว่าเราสามารถทำตามคำสอนของท่านติช นัท ฮันห์ เช่นการกินส้มเพื่อกินส้ม ได้โดยไม่ขัดเขิน ในทางกลับกัน เมื่อฟังองค์ดาไลลามะพูดในเรื่องที่เหนือไปกว่าจริยธรรมแล้ว เราอาจพบว่านำมาใส่ในวิธีคิดแบบเถรวาทไม่ได้ ต้องมองในมุมมองแบบมหายานเท่านั้น ที่ผมเพิ่งดูจากสารคดี The Buddha ของ PBS มีเคสแบบนี้บ้างเหมือนกัน
YouTube #1:
Desire must be there. Without desire, how can we lead our live.YouTube #2:
(พระญาติที่สู้รบกัน) Hundred of them killed. So that day, Buddha was sad. Buddha is a human being. So he acted like a human being.